ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศฤดูกาล 2018/19 กลายเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งติดกัน 2 คืนซ้อน ทั้งที่ แอนฟิลด์ กับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา กับ สโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
พลพรรค หงส์แดง เร่งเครื่องตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมจนทำให้รัวแซง บาร์เซโลนา ไปได้ 4-0 เช่นเดียวกับทัพ ไก่เดือยทอง ที่เข้าไปกินดีหมีในห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งก่อนจะลงมาตะบันใส่ อาหยักซ์ พลิกแซง 3-2
ตัวแทนจากศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทั้งสองทีมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีบัญญัติไตรยางค์ในโลกลูกหนังและทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้กับลูกกลมๆ ตราบใดที่ผู้ตัดสินยังไม่เป่านกหวีดหมดเวลา
ไม่เชื่อก็ไปถาม ลิโอเนล เมสซี หรือเหล่าเด็กระเบิดค่าย อาหยักซ์ ดูได้
เกมที่ เมอร์ซีย์ไซด์ ที่เราว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดการคัมแบ็คในประวัติศาตร์ลูกหนังโลกจากฟุตบอลเฮฟวีเมทัลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แล้ว แฮตทริคของ ลูคัส มูรา ที่มาสำเร็จเอาในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บก็ทำเอาหัวใจของคนรักฟุตบอลพองโตกับมนต์เสน่ห์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ของมัน
ซึ่งแน่นอนว่ามันกลายเป็นขั้วตรงกันข้ามหากคุณสถาปนาตนเองเป็นสาวก บาร์เซโลนิสต้า หรือแอบปันใจให้เหล่าเจ้าหนูตัวแทนจากแดนกังหันลม
ทัศนคติการเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตัวเองในที่สุด, ความเก๋าเกมที่ยังไม่มากพอของเหล่าลูกกรอก อาหยักซ์ บวกกับการดวงแตกสุดขีดในนาทีสุดท้ายกลายเป็นการดับฝันของพวกเขา
ออล อิงลิช ไฟนอล 2019 ระหว่าง ไก่เดือยทอง กับ หงส์แดง กลายเป็นองก์สุดท้ายของเวทีลูกหนังยุโรปซีซันนี้
ไม่ว่าใครจะได้ถ้วยบิ๊กเอียร์ไปครอง พวกเขาสมควรได้รับการสดุดีความมุ่งมั่นที่ทั้งสองทีมแสดงให้เห็นระหว่างทางในรอบรองชนะเลิศกับหนึ่งในฤดูกาล แชมเปี้ยนส์ลีก ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์
ขอบคุณฟุตบอล