พล.อ. ไพบูลย์ สั่งรื้อคดี-ติดตามยึดทรัพย์ คดีทุจริตออกโฉนดที่ดินในจังหวัดภูเก็ต-พังงา พร้อมคดีที่มีลักษณะเดียวกันทั้งหมด ส่วนประเด็น นายธวัชชัย อนุกูล  อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินพังงา เสียชีวิตในห้องขัง DSI ลั่นไม่เข้าข้างใคร แค่ยังไม่พบเหตุจูงใจให้ฆ่าตัดตอน

         จากกรณี นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดพังงา ผู้ต้องหาในคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินในจังหวัดภูเก็ต-พังงา ผูกคอเสียชีวิต ระหว่างถูกควบคุมตัวภายในอาคารที่ทำการของ DSI เมื่อกลางดึกของวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยผลการชันสูตรจากนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากตับแตกและมีเลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมและขาดอากาศหายใจ แต่ทาง DSI ได้ยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายผู้ต้องหา โดยตับอาจแตกจากการพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตนายธวัชชัย ขณะที่ร่างของผู้ตายจะถูกนำไปสวดบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 1 คืน และจะฌาปนกิจในวันที่ 1 กันยายนนั้น [อ่านข่าว : น้องชายอดีตที่ดินติดใจ จนท. ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เผยนำศพสวด 1 คืน เผาเลย]



         ล่าสุด (1 กันยายน 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากอธิบดีดีเอสไอว่า มีเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอพยายามช่วยชีวิตผู้ต้องหาด้วยการปั๊มหัวใจในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งอาจปั๊มไม่ถูกวิธี ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ควรดำเนินการภายในอย่างเดียว เพราะอาจทำให้สังคมคลางแคลงใจได้ ดังนั้นขอให้รอผลชันสูตรจากนิติเวชตำรวจซึ่งเป็นหน่วยงานนอก และควรเปิดโอกาสให้ญาติผู้เสียชีวิตร่วมรับฟังและซักถามข้อสงสัยด้วยได้ หากพบว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือกระทำผิดจะต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด

         โดยส่วนตัวแล้ว ตนไม่เข้าข้างใคร แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลตัดสินไปแล้ว และมีการหนีหมายจับ คดีมีพยานหลักฐานชัดเจนไม่มีความจำเป็นต้องรีบให้รับสารภาพ หากจะเป็นการทำจริงก็คงไม่จำเป็นต้องไปทำในห้องขัง และหากจะมีการอ้างถึงการฆ่าตัดตอนในเรื่องผลประโยชน์ก็ต้องดูว่าทำไปเพื่ออะไร ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ตนได้สั่งการให้ไปตรวจสอบรายละเอียดของคดีทั้งหมด

         นอกจากนี้ ตนสั่งการให้รื้อคดีที่มีลักษณะกระทำผิดแบบเดียวกันทั้งหมดเพื่อใช้มาตรการฟอกเงินตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย เนื่องจากมีข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาเป็นข้าราชการระดับไหน ถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิหลายพันแปลง คิดเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท เหตุใดจึงไม่มีการติดตามยึดทรัพย์ จากนี้คดีในลักษณะนี้ต้องส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ย้อนไปตรวจสอบดูว่ามีการนำเงินไปซื้อทรัพย์สินใดบ้าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการเสียชีวิต 

         ด้าน พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่มีการให้ข้อเท็จจริงสับสนเกี่ยวกับเหตุผูกคอเสียชีวิตในห้อง ขัง ล่าสุด ตนได้สั่งการให้ พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ เข้าไปควบคุมการสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยจะสอบคำให้การของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใหม่ทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการสอบรายบุคคล

         อย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้ยืนยันได้เพียงเป็นการใช้ถุงเท้าผูกต่อกันเป็นเชือกแล้วนำไปผูกกับบาน พับของประตู ซึ่งในการตรวจสอบได้ย้ำไปว่าให้ทำอย่างตรงไปตรงมา หากเจ้าหน้าที่ทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนผลการชันสูตรขอให้นิติเวชตำรวจเป็นผู้รายงานผลอย่างเป็นทางการ

ที่มา : kapook.com